Updated: ธันวาคม 8th, 2024

อันตรายที่ซ่อนอยู่ของกัญชาที่ยังไม่ทดลอง: ทำไมผู้บริโภคในประเทศไทยจึงต้องระมัดระวัง

ลูกค้าในร้านกัญชาท้องถิ่นในกรุงเทพฯ กำลังตรวจสอบคุณภาพกัญชา
  • การเปิดเสรีกัญชาอย่างรวดเร็วของประเทศไทยได้แซงหน้าการจัดตั้งมาตรการควบคุมคุณภาพที่ครอบคลุม
  • กัญชาที่ไม่ได้รับการทดสอบอาจมีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตราย สารเจือปน และแคนนาบินอยด์สังเคราะห์ รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ K3
  • ผู้บริโภคชาวไทยต้องระมัดระวังโดยซื้อสินค้าจากแหล่งที่มีชื่อเสียง ตรวจสอบผลการทดสอบ และติดตามข้อมูลเกี่ยวกับกฎระเบียบต่างๆ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ก้าวหน้าอย่างมากในการทำให้กฎหมายกัญชามีความเสรีมากขึ้น โดยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทำให้กัญชาทางการแพทย์ถูกกฎหมายในปี 2561 และต่อมาในปี 2565 ก็ได้ยกเลิกกฎหมายห้ามใช้พืชชนิดนี้ 1แม้ว่าแนวทางที่ก้าวหน้านี้จะเปิดโอกาสให้กับทั้งผู้บริโภคและธุรกิจใหม่ๆ ก็ตาม แต่ยังทำให้เกิดความเสี่ยงที่ผู้ใช้กัญชาชาวไทยจำเป็นต้องตระหนักด้วยเช่นกัน บทความนี้จะเจาะลึกถึงอันตรายที่ซ่อนเร้นของกัญชาที่ไม่ได้รับการทดสอบ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเฝ้าระวังในการรับรองความปลอดภัยของผู้บริโภค

ภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงของกัญชาในประเทศไทย

การเดินทางสู่การทำให้กัญชาถูกกฎหมายของประเทศไทยเป็นไปอย่างรวดเร็วและปฏิวัติวงการ จากที่เคยถูกห้ามอย่างเคร่งครัดจนกลายมาเป็นรากฐานสำคัญของการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพของประเทศ กัญชาได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งในด้านสถานะทางกฎหมายและทางสังคม 2อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ได้แซงหน้าการจัดตั้งมาตรการควบคุมคุณภาพที่ครอบคลุม ทำให้ผู้บริโภคเสี่ยงต่อความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการทดสอบ

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคกัญชาที่ไม่ได้รับการทดสอบ

1. สารปนเปื้อนและสิ่งเจือปน

กัญชาที่ไม่ได้รับการทดสอบอาจมีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายมากมาย รวมถึง:

  • ยาฆ่าแมลง: มักใช้ในการเพาะปลูก ซึ่งอาจเป็นอันตรายเมื่อสูดดมหรือกินเข้าไป
  • โลหะหนัก: โลหะหนักเหล่านี้สามารถสะสมในต้นกัญชาที่ปลูกในดินที่ปนเปื้อน
  • เชื้อราและแบคทีเรีย: การจัดเก็บหรือการบ่มที่ไม่เหมาะสมสามารถนำไปสู่การเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่อาจเป็นอันตรายได้
  • ตัวทำละลายที่ตกค้าง: ตัวทำละลายเหล่านี้อาจคงอยู่จากขั้นตอนการสกัดที่ใช้เพื่อสร้างสารสกัดกัญชา [3]

2. สารแคนนาบินอยด์สังเคราะห์

อันตรายที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในตลาดกัญชาที่ไม่ได้รับการควบคุมคือการมีอยู่ของสารแคนนาบินอยด์สังเคราะห์ สารเคมีที่มนุษย์สร้างขึ้นเหล่านี้ได้รับการออกแบบให้เลียนแบบผลของ THC แต่สามารถมีฤทธิ์รุนแรงและคาดเดาไม่ได้มากกว่า สารแคนนาบินอยด์สังเคราะห์มีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อสุขภาพที่ร้ายแรง รวมถึงอาการทางจิต อวัยวะเสียหาย และอาจถึงขั้นเสียชีวิต [4]

3. แคนนาบินอยด์ K3

K3 หรือสายพันธุ์กัญชา “Kinoko 3” ได้รับความนิยมในประเทศไทยเนื่องจากมีฤทธิ์แรง อย่างไรก็ตาม มีความกังวลว่าผลิตภัณฑ์บางชนิดที่ระบุว่า K3 อาจมีสารแคนนาบินอยด์สังเคราะห์หรือผสมสารอื่นเพื่อเพิ่มฤทธิ์ ความไม่สอดคล้องกันในผลิตภัณฑ์ K3 เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการทดสอบและติดฉลากที่ได้มาตรฐาน [5]

ความสำคัญของการทดสอบ

เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงเหล่านี้ การทดสอบผลิตภัณฑ์กัญชาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับประกันความปลอดภัยของผู้บริโภค การทดสอบสามารถ:

  1. ระบุและวัดปริมาณสารแคนนาบินอยด์ เพื่อให้มั่นใจว่ามีการกำหนดปริมาณยาที่แม่นยำ
  2. ตรวจจับการมีอยู่ของสารปนเปื้อน สารเจือปน และสารแคนนาบินอยด์สังเคราะห์
  3. ตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยและข้อกำหนดทางกฎหมาย
  4. มอบข้อมูลที่ผู้บริโภคต้องการเพื่อให้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

เสริมพลังผู้บริโภคผ่านการศึกษาและการทดสอบ

ในขณะที่ตลาดกัญชาของไทยยังคงพัฒนาต่อไป ผู้บริโภคต้องใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อปกป้องตนเอง:

  1. ซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้: ซื้อผลิตภัณฑ์กัญชาเฉพาะจากร้านจำหน่ายที่มีใบอนุญาตหรือผู้ค้าปลีกที่เชื่อถือได้ซึ่งให้ความสำคัญกับการทดสอบผลิตภัณฑ์และความโปร่งใส
  2. ค้นหาผลการทดสอบ: ขอหรือมองหาใบรับรองการวิเคราะห์ (COA) ที่แสดงว่าผลิตภัณฑ์ได้รับการทดสอบศักยภาพและความบริสุทธิ์แล้ว
  3. ใช้ชุดทดสอบที่บ้าน: แม้ว่าจะไม่ครอบคลุมเท่าการทดสอบในห้องปฏิบัติการ แต่ชุดทดสอบที่บ้านสามารถให้การคัดกรองพื้นฐานสำหรับสารปนเปื้อนและแคนนาบินอยด์สังเคราะห์บางชนิดได้
  4. ติดตามข่าวสาร: ติดตามกฎระเบียบในท้องถิ่นและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการบริโภคกัญชา
  5. รายงานสินค้าที่น่าสงสัย: หากคุณพบผลิตภัณฑ์ที่ดูไม่ปลอดภัยหรือมีฉลากไม่ถูกต้อง โปรดรายงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การเปิดเสรีกฎหมายกัญชาในประเทศไทยถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับทั้งผู้บริโภคและธุรกิจ อย่างไรก็ตาม โอกาสนี้มาพร้อมกับความรับผิดชอบในการรับรองว่าผลิตภัณฑ์กัญชาปลอดภัยต่อการบริโภค โดยการทำความเข้าใจความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากกัญชาที่ไม่ได้รับการทดสอบและดำเนินการเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเพลิดเพลินไปกับประโยชน์ของกัญชาพร้อมลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุด

เมื่ออุตสาหกรรมเติบโตเต็มที่ สิ่งสำคัญคือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐ เจ้าของร้านขายยา และผู้บริโภค จะต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยเป็นอันดับแรก การเฝ้าระวังและความมุ่งมั่นในการทดสอบเท่านั้นที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถสร้างตลาดกัญชาที่ไม่เพียงแต่ทำกำไรได้ แต่ยังปกป้องสุขภาพของประชาชนได้อีกด้วย

  1. Thaiger. (2022). “ไทม์ไลน์: การปฏิวัติกัญชาของประเทศไทย” สืบค้นจาก https://thethaiger.com/hot-news/cannabis/timeline-thailands-cannabis-revolutionThaiger. (2022). “ไทม์ไลน์: การปฏิวัติกัญชาของประเทศไทย” สืบค้นจาก https://thethaiger.com/hot-news/cannabis/timeline-thailands-cannabis-revolution ↩︎
  2. Bangkok Post. (2023). “การท่องเที่ยวกัญชาในประเทศไทย: อุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต” สืบค้นจาก https://www.bangkokpost.com/thailand/special-reports/cannabis-tourism-in-thailand-a-budding-industry ↩︎

บทความเพิ่มเติม

เรียกดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสารเหล่านี้